วันศุกร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2555

จาก ม.ปลาย สู่ มหา'ลัย...เรียนอย่างไรให้ได้ A

              ใกล้จะเข้าสู่ ช่วงโค้งสุดท้าย สำหรับการสอบเข้ามหาวิทยาลัย ของน้องๆ ม.6 กันแล้ว วันนี้พี่ปอเลยมีบทความดีๆมาฝาก ชาว dek-d ทั้งหลาย ว่า การเรียนในมหาวิทยาลัยนั้น ต่างจากการเรียน ใน ระดับ ม.ปลาย ที่เรากำลังจะผ่านพ้น อย่างไร เพื่อ เราจะได้มีวิธีการเตรียมตัว ในการเรียน ระดับมหาวิทยาลัย ให้ GET A ทุกวิชาเลยไงคร๊าบ อิอิ งั้นก็อย่ารอช้ากันเลย เรามาเข้าเรื่องกันเลยดีกั่ว เอ้ย ดีกว่า

ม.ปลาย vs มหาวิทยาลัย แตกต่างกันอย่างไร ?

ข้อแรกเลย การเรียนในมหาวิทยาลัยนั้น ส่วนใหญ่ในปีแรก เนื้อหาจะคล้ายๆกับ ม ปลาย


              พวกวิชา เคมี คณิตศาสตร์ ชีว ภาษาอังกฤษ อะไรทำนองนี้ จะเจอมากเลย สำหรับ น้องๆที่เรียนในคณะสายวิทย์ แต่ สำหรับคณะสายศิลป์ก็เจอบ้างนะ โดยเฉพาะ ภาษาอังกฤษ ซึ่งดูเหมือนว่าจะไม่ยากนะ เพราะเราเคยเรียนมาหมดแล้วใน ม ปลาย แต่มันยากตรงที่ เนื้อหาแต่ละเรื่องเรียนเร็วมากๆ เร็วกว่า ใน ม ปลาย ประมาณ 3-4 เท่าเลยล่ะ ลองคิดดูละกัน อย่าง ชีวะเนี่ย เราต้องเรียนเนื้อหาที่เราเคยเรียนตั้งแต่ ม.4- ม.6 ภายใน 1 เทอมอะ สุดๆไปเลย

แนวทางการปรับตัว

              ตั้งใจเรียนให้มากขึ้น หมั่นทบทวนบทเรียนอยู่เสมอ ถ้าเป็นไปได้ไปเอา สมุดโน้ต หนังสือเรียนเก่าๆสมัย ม ปลาย มาทบทวนดู เพราะว่า เนื้อหาในมหาวิทยาลัยที่อาจารย์สอนนั้นมันจะรวบรัดมากๆ ไม่ละเอียดเท่าของ ม ปลาย ดังนั้นถ้าเราอ่านของ ม ปลาย จะทำให้เราเข้าใจมากขึ้นน๊า
ข้อแตกต่างต่อมา เป็นเรื่องของ ความอิสระ ที่เราจะได้รับอย่างมาก ในรั้วมหาวิทยาลัย
ถ้าเราควบคุมตนเองไม่ได้ ความอิสระที่เราได้รับนั้น จะกลับกลายเป็นดาบ มาทำร้ายเราได้นะ

แนวทางการปรับตัว

                เราต้องควบคุมตนเองให้อยู่นะ อย่าออกนอกลู่นอกทางล่ะ แล้วที่สำคัญต้องแบ่งเวลาให้เป็นด้วย ต้องรู้ว่าเวลาไหนควรเที่ยว เวลาไหนควรตั้งใจเรียน ไม่ใช่ว่า เก้าโมง คือเวลาเรียนแต่แอบโดดไปเที่ยวซะงั้น จริงอยู่ว่า ในมหาวิทยาลัย ส่วนใหญ่จะไม่มีการเช็คชื่อหรือเช็คเวลาเข้าเรียน แต่ถ้าเราทำบ่อยๆ เราจะเรียนไม่ทันเพื่อน รู้ไหมคร๊าบ อิอิ

               รู้หรือไม่ การเรียนในมหาวิทยาลัยนั้น ส่วนใหญ่ คะแนน ที่ได้ เกรดที่ออก ล้วนมาจากการสอบทั้งนั้น ไม่มี คะแนนพิศวาส หรือ คะแนนเก็บ คะแนนทำงานเหมือนใน ม ปลาย นะ ?
               อันนี้ คือเรื่องจริงเลยครับ วิชาส่วนใหญ่ในมหาวิทยาลัยนั้น คะแนนที่ได้ มาจากการสอบทั้งนั้น ไม่มีคะแนนช่วยหรือคะแนนเก็บเหมือนตอน ม ปลาย อย่างวิชา แคลคูลัส ที่พี่ปอเคยเรียนตอนสมัยหนุ่มๆ ฮ่าๆ เก็บ คะแนนกลางภาคและปลายภาค อย่างละ 50% เลยนะ สุดๆไปเลยไหมล่ะ


แนวทางการปรับตัว

                ดังนั้น วิธีการปรับตัวนั้น เราต้องตั้งใจเรียนและเอาใจใส่ต่อวิชานั้นๆอย่างมาก ที่สำคัญไม่ควรโดดเด็ดขาด เพราะแม้ว่าคะแนนช่วย คะแนนจากการเข้าห้องเรียน จะไม่สำคัญแล้ว แต่การที่เราโดดเรียน จะทำให้เราไม่เข้าใจเนื้อหาที่อาจารย์สอนนะ เดี๋ยวจะมาเหนื่อยช่วงใกล้สอบแล้วจะหาว่าพี่ปอไม่เตือน
                การช่วยเหลือตัวเอง คือเรื่องใหญ่มากในรั้วมหาวิทยาลัย
อ่านหัวข้อแล้วอย่าเพิ่งคิดไปไกลน๊า เรื่องช่วยเหลือตัวเองเนี่ย ฮ่าๆ การช่วยเหลือตัวเองในที่นี้ หมายถึง ถ้าเรามีปัญหาการเรียน หรือต้องการติดต่ออาจารย์นั้น เราต้องติดต่อเอง ไม่มีอาจารย์มาคอยจ้ำจี้จ้ำไชเราเหมือนตอน อยู่ ม ปลายแล้ว

แนวทางการปรับตัว
                ในรั้วมหา'ลัยนั้น เราจะมีอาจารย์ที่ปรึกษา คอยให้คำปรึกษาเรา เวลาเรามีปัญหาอะไร ก็ปรึกษาอาจารย์ที่ปรึกษาของเราได้ และนอกจากนี้ วิชาที่เราเรียนบางวิชา ก็จะมีอาจารย์ที่ปรึกษาประจำวิชา และ ผู้ช่วยสอน คอยให้คำปรึกษาเราอยู่ด้วย

"อย่าอายที่จะเข้าหาอาจารย์นะครับ เพราะถ้าเราไม่กล้าที่จะเข้าหาอาจารย์ จะทำให้เราเรียนอย่าง
ลำบากมากๆ "

เพื่อน คือ สิ่งสำคัญ ในรั้วมหา 'ลัย


                ใน ม ปลาย เราอาจยังไม่ค่อยเห็นความสำคัญของเพื่อนในด้านการเรียนมากนัก เพราะเรามักจะนึกถึงเพื่อนในเรื่องของความสนุกสนาน เฮฮากันเสียส่วนใหญ่ แต่ ในรั้วมหา'ลัย เพื่อนนี่แหล่ะ จะเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เราเอาตัวรอดได้เลย ยกตัวอย่างนะ ถ้าเราไม่เข้าเรียน แล้วเรามีเพื่อน ที่ไว้ใจได้เรียนวิชาเดียวกับเรา เราก็ยังสามารถให้เพื่อนช่วยจด lecture หรือมาติวให้เราได้ จริงไหม ? เริ่มเห็นความสำคัญของเพื่อนหรือยัง

แนวทางการปรับตัว
                 ในมหาวิทยาลัยนั้น ไม่จำเป็นที่จะต้องมีเพื่อนเป็นกลุ่มใหญ่ แค่มี สอง สาม คน แต่ไว้ใจได้ สามารถช่วยเหลือกันได้ ก็เพียงพอแล้ว น้องๆบางคนคงจะสงสัยว่า แล้วเพื่อน นั้น ในมหาลัย หายากไหม ไม่ยากครับ เพียงแค่ร่วมทำกิจกรรมบ่อยๆ เราก็จะได้เพื่อนเอง เชื่อพี่ปอสิ

เอาล่ะ วันนี้พี่ปอก็ขอจบบทความ จาก ม ปลาย สู่ มหา’ลัย เรียนอย่างไรให้ได้ A แต่เพียงเท่านี้นะคร๊าบ แล้วโอกาสหน้าเจอกันใหม่ สุดท้ายนี้ขอกล่าวคำว่า โชค A ครับ ....

บทความโดย พี่ปอ จากคอลัมน์ Education > ฟิตเกรด+กวดวิชา เว็บไซต์เด็กดีดอทคอม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น